.png)


CREAM - Creative Economy and Soft Power Management
.png)
เศรษฐกิจสร้างสรรค์คืออะไร
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) คือแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มจาก ความรู้ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ โดยต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เกิดเป็นสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์และมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง แนวคิดนี้ริเริ่มครั้งแรกในสหราชอาณาจักรเมื่อปี ค.ศ. 1998 ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลกและถูกยกให้เป็น “อนาคตของเศรษฐกิจโลก”
แนวคิดดังกล่าวได้รับการเผยแพร่กว้างขวางยิ่งขึ้นจากหนังสือ “The Creative Economy: How People Make Money from Ideas” ของ จอห์น ฮาวกินส์ (John Howkins) ในปี ค.ศ. 2001 ซึ่งอธิบายว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย จินตนาการ ภูมิปัญญา สังคม วัฒนธรรม และผู้คน โดยนำสิ่งที่มีอยู่ทั้งจับต้องได้และจับต้องไม่ได้มาต่อยอดให้มีคุณค่ามากกว่าเดิม
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก หรือ B2P: Business, People, Place
-
Business ธุรกิจที่เข้มแข็งและพร้อมปรับตัว
-
People บุคลากรที่มีทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และความรู้เฉพาะทาง
-
Place พื้นที่และชุมชนที่มีเอกลักษณ์และทุนทางวัฒนธรรม
ทั้งสามส่วนต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการแสวงหากำไรจากไอเดียใหม่ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
ด้วยความสำคัญของแนวคิดนี้ องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศให้ปี ค.ศ. 2021 เป็นปีแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทย
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เนื่องจากมี ทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งด้านศิลปะ วิถีชีวิต อาหาร ดนตรี งานคราฟต์ รวมถึงการออกแบบร่วมสมัย ทำให้ผู้คนในทุกภูมิภาคสามารถนำเรื่องราวและอัตลักษณ์ที่มีอยู่มาต่อยอดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างกว้างขวาง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยประกอบด้วย 12 สาขาหลัก ได้แก่งานฝีมือและหัตถกรรม, ศิลปะการแสดง, ทัศนศิลป์, ดนตรี, ภาพยนตร์และวิดีทัศน์, การพิมพ์, การกระจายเสียง, ซอฟต์แวร์, โฆษณา, การออกแบบ, สถาปัตยกรรม และแฟชั่นและมี อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีก 3 สาขา ได้แก่ อาหารไทย, การแพทย์แผนไทย และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งหมด 15 อุตสาหกรรมสำคัญ ซึ่งมีส่วนต่อ GDP ประมาณ 10% ต่อปี และเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าอัตราเติบโตของ GDP ประเทศ
ในปี 2561 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 1.46 ล้านล้านบาท หรือ 8.93% ของ GDP และมีการจ้างงานมากกว่า 830,000 คน เป็นแรงงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญสูง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยได้อย่างชัดเจน
นโยบายรัฐและบทบาทต่ออนาคตประเทศไทย
แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 และได้รับความสำคัญอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลยุคต่าง ๆ กระทั่งปัจจุบันที่ประเทศไทยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 มุ่งสร้าง New Engine of Growth ผ่านอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง (Creative, Culture & High Value Services) อุตสาหกรรมสร้างสรรค์จึงถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในกลุ่ม New S-Curve ที่จะช่วยยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต พร้อมเดินหน้าควบคู่กับอุตสาหกรรมอื่น เช่น ดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง และบริการสมัยใหม่
ตัวอย่างประเทศที่พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์
1. ประเทศจีน
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างโดดเด่นที่สุดในโลก โดยรายงาน Creative Economy Outlook ของ UNCTAD ระบุว่าจีนเป็น “ประเทศผู้ส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์รายใหญ่ที่สุดของโลก” ทั้งในหมวดสินค้า (creative goods) และบริการสร้างสรรค์ (creative services) (https://unctadstat.unctad.org/insights/theme/233?utm_source=chatgpt.com)
ปัจจัยความสำเร็จของจีน
1) โครงสร้างการผลิตและนวัตกรรมระดับโลกจีนพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ควบคู่กับฐานการผลิตเทคโนโลยี ทำให้สามารถผสาน ความคิดสร้างสรรค์ เข้ากับ ความสามารถเชิงอุตสาหกรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
-
อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล
-
อุตสาหกรรมเกม
-
ภาพยนตร์และอนิเมชัน
-
แฟชั่นและการออกแบบผลิตภัณฑ์
2) การขยายตัวของเมืองสร้างสรรค์ (Creative Cities) เมืองอย่าง ปักกิ่ง เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ได้รับการจัดอันดับเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก เมืองเหล่านี้เป็นแหล่งรวมผู้ประกอบการ นักออกแบบ บริษัทเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพที่ผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์โดยตรง
3) ตลาดผู้บริโภคภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ จีนมีผู้บริโภคกว่า 1,400 ล้านคน ประกอบกับสังคมเมืองที่เติบโตเร็ว ทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการสร้างสรรค์จำนวนมาก ตั้งแต่อุตสาหกรรมสตรีมมิง ดนตรี แฟชั่น ไปจนถึงศิลปะร่วมสมัยและอีสปอร์ต
2. แคนาดา
แคนาดาเป็นตัวอย่างของประเทศพัฒนาแล้วที่ใช้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือในการขยายเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รายงานของ UNCTAD ระบุว่าแคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโครงสร้างอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและสร้างสรรค์ (Cultural & Creative Industries) เข้มแข็งติดอันดับโลก ทั้งด้านรายได้ การจ้างงาน และการส่งออก (https://unctad.org/press-material/creative-economy-offers-countries-path-development-says-new-unctad-report?utm_source=chatgpt.com)
จุดแข็งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในแคนาดา
1) ความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Multiculturalism) แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก ความหลากหลายนี้เป็น “ต้นทุนสร้างสรรค์” ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรม เช่น
-
ภาพยนตร์และโทรทัศน์
-
ดนตรี
-
การออกแบบ
-
ศิลปะร่วมสมัย
-
สื่อดิจิทัล
เมืองอย่าง Toronto และ Vancouver ยังถูกยกให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ลำดับต้น ๆ ของโลก (เรียกว่า Hollywood North)
2) ระบบสนับสนุนจากรัฐและกองทุนด้านศิลปะ รัฐบาลแคนาดามีการลงทุนต่อเนื่องผ่านกองทุน เช่น
-
Canada Council for the Arts
-
Telefilm Canada
-
Creative Canada Policy Framework
การสนับสนุนครอบคลุมตั้งแต่ศิลปิน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสร้างสรรค์ ทำให้ภาคธุรกิจและภาควัฒนธรรมเติบโตควบคู่กัน
3) อุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีสร้างสรรค์ แคนาดามีจุดแข็งด้าน AI, VR/AR, เกม และสื่อดิจิทัล โดยมีบริษัทระดับโลกตั้งศูนย์ในประเทศ เช่น Ubisoft, EA และภาคเทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมโยงกับ creative economy

